หากคุณเป็นหนึ่งในเจ้าของรถยนต์ดีเซลที่เคยสงสัยว่าทำไมเมื่อเติมน้ำมันเต็มถังแล้วไม่สามารถขับขี่ได้ระยะทางเท่าเดิม
หรือรู้สึกว่ารถของคุณมีการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าที่เคย
ปัญหานี้อาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
รถดีเซลที่มีการกินน้ำมันมากเกินไปมักเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านการบำรุงรักษาที่ไม่เหมาะสม การใช้หัวฉีดดีเซลที่เสื่อมสภาพ หรือปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลให้เครื่องยนต์ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
โดยหนึ่งในปัญหาที่ทำให้รถยนต์ของเรากินน้ำมันมากขึ้นคือ “การเสื่อมสภาพของหัวฉีดดีเซล”
ในบทความนี้เราจะพาคุณไปสำรวจถึงสาเหตุต่างๆที่ทำให้หัวฉีดดีเซลเสื่อมสภาพ
และส่งผลให้รถของคุณกินน้ำมันมากขึ้น รวมถึงเทคนิคการตรวจสอบและการบำรุงรักษา เพื่อให้รถของคุณสามารถกลับมาประหยัดน้ำมัน และอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน รวมถึงลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
หัวฉีดดีเซลที่เสื่อมสภาพสามารถทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้นได้ ซึ่งมีสาเหตุต่างๆดังนี้:
1. การฉีดน้ำมันที่ไม่สมบูรณ์: ปลายหัวฉีดดีเซลเสื่อมสภาพ ทำให้การฉีดน้ำมันออกมาเป็นฝอยละอองไม่เต็มที่ ทำให้การเผาไหม้ในกระบอกสูบไม่เต็มที่ ส่งผลให้เครื่องยนต์ต้องใช้น้ำมันมากขึ้นเพื่อให้ได้กำลังที่ต้องการ
2. แรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงไม่เหมาะสม: หัวฉีดที่มีปัญหาอาจไม่สามารถเก็บแรงดันได้เพียงพอสำหรับการฉีดน้ำมัน ทำให้การผสม ของอากาศและน้ำมันไม่ดีพอ จึงทำให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์และต้องใช้น้ำมันมากขึ้น
3. การอุดตันและสิ่งสกปรก: ในกรณีที่มีการอุดตันจากคราบน้ำมันหรือสิ่งสกปรกปนมากับน้ำมัน ซึ่งทำให้การไหลของน้ำมันไม่ราบรื่นและไม่สามารถฉีดน้ำมันในปริมาณที่เหมาะสมได้
4. การสึกหรอของชิ้นส่วนภายในหัวฉีด: เมื่อหัวฉีดใช้งานมานาน ชิ้นส่วนภายในหัวฉีดเกิดการสึกหรอ ซึ่งจะทำให้แรงดันในการฉีดน้ำมันไม่คงที่และความแม่นยำของการฉีดน้ำมันลดลง ส่งผลให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งจะทำให้เครื่องยนต์ต้องใช้น้ำมันมากขึ้น
5. การตอบสนองที่ช้าลง: หัวฉีดที่เสื่อมสภาพจะทำงานช้าลง ทำให้การตอบสนองของเครื่องยนต์ช้าลง ทำให้ต้องใช้คันเร่งมากขึ้นในการตอบสนองต่อการขับขี่ ส่งผลให้มีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นกว่าปกติ
ดังนั้น การตรวจสอบและบำรุงรักษาหัวฉีดดีเซลอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อรักษาประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์และลดการสิ้นเปลืองน้ำมันอย่างไม่จำเป็น
หากคุณสังเกตเห็นว่ารถของคุณกินน้ำมันมากขึ้นกว่าปกติ ควรนำรถยนต์ของคุณเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการรถยนต์ที่ได้มาตรฐานโดยทันที
โดยทางเราขอแนะนำ ศูนย์บริการเด็นโซ่ (DENSO) ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการซ่อมระบบเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล สามารถทำการตรวจสอบวิเคราะห์เพื่อหาต้นตอของปัญหาดังกล่าว และลงมือซ่อมเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านั้นผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยของทางบริษัทเด็นโซ่ (DENSO) ประเทศญี่ปุ่น
โดยเมื่อท่านนำรถเข้ามาที่ศูนย์บริการเด็นโซ่ (DENSO) ทางเราจะดำเนินการต่างๆ ดังนี้
1. สอบถามรายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับอาการของรถ เพื่อทำการวิเคราะห์หาสาเหตุที่เกี่ยวข้อง
2. ทำการเชื่อมต่อเครื่องมือวิเคราะห์ (DST-i) ที่สามารถตรวจเช็คเพื่อหาสาเหตุจากความผิดปกติต่างๆผ่านซอฟแวร์ที่ทันสมัย
3. หากพบความผิดปกติที่หัวฉีดดีเซล เราจะทำการถอดประกอบหัวฉีด เพื่อทำการตรวจเช็คชิ้นส่วนต่างๆภายในหัวฉีด จากนั้นทำการเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เกิดความเสียหายด้วย “ชุดซ่อมหัวฉีดแท้เด็นโซ่ (DENSO Injector Genuine Repair Kit)”ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของทางเด็นโซ่ (DENSO) เท่านั้น
4. หลังจากทำการเปลี่ยนชุดซ่อมเสร็จเรียบร้อย ทำการประกอบกลับเช่นเดิม เพื่อนำไปทดสอบบนแท่นทดสอบหัวฉีด(DIT-V.3) ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของทางเด็นโซ่ (DENSO)
5. ตรวจสอบผลการวิเคราะห์จากโปรแกรมที่ทำงานร่วมกับแท่นทดสอบหัวฉีด (DIT-V.3) โดยโปรแกรมจะทำการประเมินประสิทธิภาพของหัวฉีดในแต่ละสภาวะรอบเครื่องยนต์ว่าผ่านมาตรฐานที่กำหนดหรือไม่
6. ในกรณีที่หัวฉีดผ่านการทดสอบประสิทธิภาพ นำหัวฉีดกลับไปติดตั้งในรถยนต์และทำการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องยนต์อีกครั้งด้วยเครื่องมือวิเคราะห์
(DST-i) และส่งมอบรถคืนให้กับลูกค้า เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการการซ่อมหัวฉีดดีเซลผ่านเทคโนโลยีจากทางเด็นโซ่(DENSO)
ศูนย์บริการเด็นโซ่ (DENSO)
ปัจจุบันเรามี ศูนย์บริการเด็นโซ่ (DENSO) ของเราคลอบคลุมมากกว่า 100 สาขาทั่วประเทศ ที่พร้อมให้คำปรึกษาปัญหาเรื่องรถ ด้วยการบริการที่ได้มาตรฐาน พร้อมทักษะงานซ่อมที่ได้รับการฝึกอบรมจากช่างผู้ชำนาญการที่ผ่านการรับรองจาก บริษัทเด็นโซ่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านสามารถมั่นใจกับการบริการงานซ่อมของเรา
ติดต่อ ศูนย์บริการ DENSO ได้แล้ววันนี้ !
Website: https://carservicepartner.com | |
FB Page: DENSO AftermarketThailand: https://www.facebook.com/Densosalesthailand | |
Line Official: @CarServicePartner: https://lin.ee/9bAp3sT |